จากเรื่องเล่าข้างต้นที่เราทั้งสองได้เล่าร่วมกัน ทุกคำพูดยังทำให้ดิฉันคิดอยู่ในใจของดิฉันเสมอว่า"บ้าน" จริงๆมันหมายถึงอะไร ดิฉันก็ได้เกิดข้อสงสัย จนมีอยู่อาทิตย์หนึ่งดิฉันได้กลับบ้าน กลับไปหาพ่อหาแม่ วันนั้นเป็นวันที่มีความสุขมากคะ เพราะได้เจอทั้งญาติที่เราไม่ค่อยได้เจอกันนาน แต่บังเอิญวันที่ดิฉันกลับบ้านมีญาติมาเยี่ยมมาถามทุกข์สุขกัน ดิฉันดีใจมากคะ ครอบครัวดิฉันก็ได้ทำอาหารกินกันระหว่างทานดิฉันและญาติๆก็คุยกันถามไถ่กัน คนนั้นเป็นยังไง คนนี้เป็นยังไง และที่ขาดไม่ได้ทุกคนตั้งคำถามถามดิฉัน มาเรียนที่ไหน คณะอะไร ได้เรียนพยาบาลตามที่ใจหวังมั้ย? พอถึงตอนนี้ดิฉันไม่อยากที่จะตอบเท่าไรเพราะดิฉันทำความหวังที่ได้รับปากกับครอบครัวและญาติไม่สำเร็จ ดิฉันก็ได้แต่อมยิ้มอยู่สักระยะหนึ่ง แล้วพ่อกับแม่จึงตอบแทนไปว่า หลานเรียนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เรียนคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เอกภาษาไทย ครับ พ่อก็พูดต่อในทำนองเชิงให้กำลังใจว่า ไม่ได้เรียนพยาบาลก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เรียนอันไหนก็เหมือนกันแหละครับมันขึ้นอยู่ที่ตัวเราจะตั้งใจกับสิ่งที่เราเรียนรึเปล่า? พ่อและแม่ต่างก็ตอบญาติไปทั้งยิ้มและหัวเราะ ซึ่งตอนนั้นดิฉันก็ยิ้มและก็ได้แต่พูดว่า ใช่จ๊ะ ญาติดิันรวมทั้งพ่อแม่ก็ต่างพูดบอกให้ดิฉันตั้งใจเรียน อย่าทำให้พ่อแม่และญาติๆเสียใจ เพราะดิฉันก็เป็นหลานคนแรกที่ตั้งใจเรียนหนังสือ ทุกคนที่บ้านก็ได้ตั้งความหวังไว้กับตัวดิฉันไว้มาก ดิฉันก็ดีใจที่ได้ยินจากปากของทุกคนว่าทุกคน รักและห่วงดิฉันมาก มากกว่าหลานคนอื่นๆ ดิฉันดีใจและพร้อมด้วยการกดดัน ซึ่งทุกคนหวังในตัวดิฉันหมดแล้วถ้าเกิดมีวััใดวันหนึ่ที่ดิฉันทำให้ท่านผิดหวังล่ะ ทุกคนจะรู้สึกยังไง แต่ดิฉันก็จะพยายามทำตามความหวังของทุกคนที่บ้านให้สำเร็จ ขณะตอนนั้นดิฉันก็ได้นึกถึงคำว่า "บ้าน" ขึ้นมาทันที ดิฉันเลยเอยปากถามพ่อและญาติๆว่า คำว่า "บ้าน" บ้านเป็นไงคะหนูไม่เข้าใจ แล้วอย่างไรถึงจะเรียกว่าบ้าน? ทุกคนเงียบแต่พ่อกลับพูดขึ้นมาว่าสำหรับพ่อนะพ่อว่า
"บ้าน" คือสถานที่ที่มีรัก
ความสวยของบ้านไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดว่าใหญ่หรือเล็ก แต่ขึ้นอยู่กับปริมาณความรักที่คนในบ้านมอบให้กัน เราว่าบ้านต้องการคนมาช่วยสร้ง ไม่มีใครสร้างบ้านคนเดียวได้ ไม่ได้สร้างอิฐ ปูน หรือไม้ แต่สร้างด้วยความเข้าใจและความรักระหว่างคนสองคนขึ้นไป
เช่นกันกับบ้านในแง่ของสถาปัยกรรม สถาปัยกรรมบรรจุหัวใจก็คงทนต่อลมฝนที่เปลี่ยนแปลง ในวันที่ข้างนอกมีพายุร้ายแรง เราก็อบอุ่นใจเมื่อก้วเข้ามาในบ้าน ในวันที่บาดเจ็บเสียน้ำตา ก็กลับมาพักรักษาเยียวยาที่นี่ ในบางเวลาบ้านจึงเป็นเหมือนหลุมภัย โรงพยาบาล รวมถึงสถานศึกษา
บ้านเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดที่จะสอนเราเรื่องความรัก ท่ไม่ได้หมายความถึงเพียงการ "รับ" จากคนอื่น ต่ยังครอบคลุมไปถึงการหยิบยื่นความรัก "ให้" พวกเรา บ้านสอนให้เรารู้จักรัก ให้รู้ว่ารักคือการแลกเปลี่ยน
ในบ้านที่มวลของความรักพัดผ่านไหลเวียนถ่ายเทดี สมาชิกในบ้านก็จะสุขภาพดีทั้งกายและใจ
ถึงแม้ว่าสมาชิกในบ้านไม่สารถอยู่ร่วมบ้านกับเราได้ตลอดกาล แต่ความรักความทรงจำดีๆ และสิ่งที่เราได้เรียนรู่ร่วมกันมานั้นจะไม่มีวันหายไป
บ้านที่เป็นบ้าน คือบ้านที่มีความรัก ตราบที่ในใจของเรายังเก็บรักษาความรักที่เคยมีในบ้านหลังนั้นไว้ บ้านก็ไม่ได้จากเราไปพร้อมกับสมาชิก ที่หายหน้าหายตามันยังอบอุ่นอยู่ใต้หน้าอกข้างซ้ายของเรา รอเวลาที่เราจะใช้ความรักที่มีนี้ไปเป็นวัสดุก่อสร้างที่ดีในการสร้างบ้านอีกหลัง
บ้านที่สร้างจากความรัก
ตราบที่ในใจของเรายังเก็ฐณํฏาาความรัก ที่เคยมีในบ้านหลังนั้นไว้ บ้านก็ไม่ได้จากเราไป
พร้อมกับสมาชิกที่หายหน้าหายตา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น