ตอนแรกดิฉันก็บอกเพื่อนว่า อยากมีบ้านสวยๆเนอะ เพื่อนก็บอกว่าใช่ๆ ใครๆก็อยากมีบ้านสวยๆกันทั้งนั้นแหละ ดิฉันนอนคิดอยู่สักพัก จึงพูดกับเพื่อนใหม่ว่า "ที่จริงแล้วอยากได้บ้านที่เป็นบ้านมากกว่า" หลังจากประโยคนั้นลอยมาออกจากปาก ทั้งดิฉันและเพื่อนก็นอนเงียบๆ ต่างคนต่างก็ตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ดิฉันไม่รู้ว่าเพื่อนคิดอะไรอยู่ แต่ดิฉันกำลังคิดถึงคำว่า "บ้านที่เป็นบ้าน"ต่อให้บ้านสวยเพียงใด แต่ถ้ามันไม่เป็นบ้าน ก็คงไม่อาจทำให้เราเป็นสุขได้ บ้านในความคิดของดิฉัน ก็คงเป็นบ้านที่ที่เราอยู่แล้วสบายใจ มีคนที่เรารักและรักเราอยู่ในแห่งนั้น เป็นที่ที่รู้สึกปลอดภัยและไม่ว่าเราจะเจ็บปวดจากโลกภายนอกขนาดไหน เมื่อเรากลับไปที่แห่งนั้นก็จะทำให้เราหายเจ็บ นี่เป็นคำนิยามของบ้านสำหรับดิฉัน สำหรับท่านผู้อ่านแหละค่ะ ก็คงจะคิดต่างกันไปนะค่ะ
วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555
บ้านที่ที่เราอยู่แล้วสบายใจ มีคนที่เรารักและรักเราอยู่ในแห่งนั้น เป็นที่ที่รู้สึกปลอดภัยและไม่ว่าเราจะเจ็บปวดจากโลกภายนอกขนาดไหน เมื่อเรากลับไปที่แห่งนั้นก็จะทำให้เราหายเจ็บ
เริ่มแรกที่ดิฉันได้ย้ายเข้ามาอยู่ในหอพักกับเพื่อน โดยปกติกลับมาจากการทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยแล้วดิฉันปกติก็จะโทรหาคุณแม่ก่อนเข้านอนทุกครั้ง แต่คืนนั้นดึกมากแล้วเลยไม่โทรหาคุณแม่กลัวท่านจะนอนหลับไปแล้ว ดิัฉันก็เลยอาบน้ำเตรียมพร้อมที่จะสวดมนต์ก่อนนอนทุกครั้ง แต่คืนนี้เพื่อนและดิฉันเหนื่อย!แต่บังเอิญว่ายังไม่อยากหลับเพื่อนและดิฉันเลยจึงนอนคุยกันไปเรื่อยๆเดี๊ยวก็เรื่องนั้นบ้างเรื่องนี้บ้างตามประสาผู้หญิง พอเราโตขึ้น หัวข้อการคุยของเราก็เปลี่ยนไปจากตอนเป็นเด็กเยอะเลยคะ เรื่องที่คุยก็ไม่พ้นเรื่องการเรียน อนาคต และครอบครัว ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคนเวียนวนอยู่ในหัวเลย เราก็นอนคุยกันไป แล้วอยู่ๆก็คุยกันเรื่องบ้าน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น