วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

หน้าที่ทีสำคัญของครอบครัว


สุพัตรา  สุภาพ (2540:68-69) กล่าวถึงหน้าที่ของครอบครัวไว้ ดังนี้
1) สร้างสรรค์สมาชิกใหม่ (Reproduction) เพื่อให้สังคมสามารถดำรงอยู่ได้ การมีสมาชิกใหม่ต้องมีให้สมดุลกับทรัพยากรภายในประเทศ
2) บำบัดความต้องการทางเพศ(Sexual Gratification) ซึ่งออกมาในรูปของการสมรสเป็นการลดปัญหาทางเพศบางอย่าง เช่น ข่มขืน การสมรสจึงเป็นสิ่งจำเป็นในสังคมที่มีการจัดระเบียบ เพราะการสมรสคือ วิธีการหนึ่งที่สังคมเข้ามาควบคุมความสัมพันธ์ให้อยู่ในขอบเขต
3) เลี้ยงดูผู้เยาว์ให้เจริญเติบโตขึ้นในสังคม(Maintenance of Immature Children) ครอบครัวจึงมีหน้าที่เลี้ยงดูบุตรตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเติบใหญ่ การเลี้ยงดูจากที่อื่นแม้ทำได้ก็ไม่ดีเท่ากับครอบครัว ครอบครัวจึงเป็นสถาบันที่สำคัญมากต่อระบบการพัฒนาทางร่างกายและจิตใจของเด็ก เป็นสถานที่ที่เลี้ยงดูเด็กให้เป็นคนที่เจริญเติบโตสมบูรณ์ ไม่ให้เกิดปัญหาสังคม
4) ให้การอบรมสั่งสอนแก่เด็กให้รู้จักระเบียบของสังคม (Socialization)  ครอบครัวเป็นแหล่งการอบรมเบื้องต้นที่มีอิทธิพลต่อเด็กมากที่สุด เป็นสถาบันเตรียมตัวเด็กให้ออกไปเผชิญกับสิ่งแวดล้อม ช่วยอบรมเด็กให้รู้จักกฎหมายคุณค่าแบบของความประพฤติ ฯลฯ สอนให้เด็กปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมในสังคม
5) กำหนดสถานภาพ (Social Placement) เราได้ชื่อสกุลมาจากครอบครัว ซึ่งส่วนมากก็เปลี่ยนได้ในเวลาต่อมา สถานภาพเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เช่นเป็นลูกคนรวย เป็นลูกพ่อค้า เป็นลูกชาวนา สถานภาพอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับสังคมที่บุคคลนั้นเป็นสมาชิกอยู่
6) ให้ความรักความอบอุ่น(Affection)  ครอบครัวเป็นแหล่งที่สมาชิกได้รับความรักความอบอุ่นอย่างบริสุทธิ์ใจ เป็นแหล่งที่ให้หลักประกันว่าจะมีคนที่รักเราจริงและรักเราเสมอ ครอบครัวจะเป็นแหล่งให้กำลังใจและปลุกปลอบใจ เพื่อให้สมาชิกสามารถผ่านอุปสรรคไปได้ สรุปแล้วครอบครัวจึงเป็นแหล่งให้ความรัก ความคุ้มครองและความมั่นคงทางด้านจิตใจแก่สมาชิกทำให้สมาชิกมีพลังใจในการฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
นอกจากนี้ ศรีสว่าง พั่ววงค์แพทย์ (2537)ได้กล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของครอบครัว สามารถพิจารณาได้ทั้ง 3 มิติ คือ
ด้านสังคม ครอบครัวเป็นสถาบันพื้นฐานเก่าแก่ที่สุด ทำหน้าที่หล่อหลอมความเป็นมนุษย์ด้วยการเลี้ยงดูอบรม  ให้การเรียนรู้แก่ลูก แก่เด็กให้มีพัฒนาการรอบด้าน ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา สังคม อารมณ์ บุคลิกภาพที่เหมาะสมตามวัย  โดยเฉพาะบทบาทการเป็นพ่อแม่นั้นคงลาออกไม่ได้
บทบาทสำคัญในฐานะเป็นสถาบันในสังคมอีกประการหนึ่ง คือ การสั่งสมบ่มเพาะขัดเกลาเด็กให้มีการเรียนรู้เชิงสังคมให้เติบโตเป็นคนดีมีคุณธรรม ไม่เบียดเบียนผู้อื่นไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น มีจิตใจเอื้ออาทร  มีจิตสำนึกต่อสังคมส่วนรวม สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีสันติสุข  ทั้งนี้การทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีของพ่อแม่ และสมาชิกผู้ใหญ่ในครอบครัว จะเป็นการเรียนรู้ที่ดียิ่งสำหรับเด็ก
ด้านเศรษฐกิจ  สมาชิกครอบครัวต่างก็เป็นผู้ผลิตและผู้บริโภค  ในฐานะเป็นผู้ผลิตไม่ว่าจะอยู่ในฐานะผู้ใช้แรงงาน ผู้ประกอบการ  ผู้ลงทุน  ถ้าไม่ผ่านการขัดเกลาจากครอบครัว บ่มเพาะนิสัยให้รักการทำงาน  มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ  ต่ออาชีพของตน  มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์  มีวินัยในตนเอง ก็จะเป็นผู้ผลิตในเชิงเศรษฐศาสตร์ที่ไม่มีคุณภาพ
ในฐานะเป็นผู้บริโภค  ถ้าได้รับการอบรม ขัดเกลาให้เป็นผู้บริโภคที่มีคุณภาพ คือ รู้ทันกัน  เลือกสรรบริโภคอย่างมีประโยชน์อย่างประหยัดและปลอดภัย  ไม่ว่าจะเป็นสินค้าบริการ หรือสื่อมวลชนก็ตาม ย่อมรู้จักใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล  อย่างรู้จักประมาณ อย่างรู้จักพอ อย่างมีภูมิคุ้มกัน  การที่ประชากรของสังคมได้รับการบ่มเพาะให้เป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคที่มีคุณภาพดังกล่าว ย่อมเป็นพื้นฐานเป็นพลังในการสร้างเศรษฐกิจส่วนรวมต่อไป
ด้านการเมืองการปกครอง  ครอบครัวเป็นหน่วยสังคมพื้นฐานที่บ่มเพาะทักษะทางการเมืองให้เกิดขึ้นในครอบครัวได้  ซึ่งหมายถึงการอยู่ร่วมกันอย่างมีกติกา  การมีบทบาทหน้าที่รับผิดชอบของสมาชิกในครอบครัว  มีความเอื้ออาทรต่อกัน ตัดสินใจร่วมกัน รู้จักเจรจาประนีประนอมกันด้วยความรักความเข้าใจและเหตุผล มีความเคารพซึ่งกันและกัน มีการรู้จักอภัยกัน ซึ่งเป็นทักษะของการเมืองการปกครองในระดับครอบครัว อันจะเป็นพื้นฐานของวิถีชีวิตในครรลองประชาธิปไตยต่อไปอย่างดี
ถ้าสถาบันครอบครัวสามารถปฏิบัติภารกิจทั้ง 3 มิติหลักดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์  ครอบครัวนั้นก็จะมีภูมิคุ้มกัน  มีความมั่นคงเข้มแข็ง  เป็นพลังหลักในการสร้างสันติสุขในสังคม ในวงกว้างออกไปได้ไม่ยาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น